การผ่าตัดยกกระชับต้นขา

หัตถการผ่าตัด

ก่อนการผ่าตัด แพทย์จะทำเครื่องหมายบนต้นขา ในขณะที่อยู่ในท่ายืน โดยแพทย์จะค่อย ๆ ดึงผิวหนังขึ้นเพื่อประเมินว่าควรกำจัดผิวหนังออกมากน้อยเพียงใด จากนั้นจึงผ่าจากขาหนีบไปทาง ด้านหลังของรอยพับของก้นแล้วดึงผิวหนังขึ้น และกำจัดผิวหนัง และไขมันส่วนเกินออกเพื่อปรับปรุงรูปทรงของขา และยกกระชับผิวหนัง โดยแผลเป็นจะถูกซ่อนอยู่ที่บริเวณรอยพับขาหนีบ

พักรักษาตัวในโรงพยาบาล

3 คืน

ระยะเวลาการผ่าตัด

4 - 5 ชั่วโมง

ยาชา / ยาสลบ

การให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั่วตัว

การดูแลก่อนการผ่าตัด

ศัลยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัด โดยจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและการดื่ม การสูบบุหรี่ และการรับประทานหรือการหลีกเลี่ยงวิตามิน ธาตุเหล็กชนิดเม็ด และยาบางชนิด หากคุณเป็นหวัดหรือติดเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดเชื้อที่ผิวหนัง การผ่าตัดอาจต้องเลื่อนออกไป

ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงต้องแจ้งศัลยแพทย์ก่อนการผ่าตัด เพื่อลดโอกาส ในการมีเลือดออกหลังการผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงแอสไพรินและยาที่มีส่วนผสมของ แอสไพรินหรือบรูเฟน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
การสื่อสารกับศัลยแพทย์ เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยจะต้องพูดคุยกับศัลยแพทย์เกี่ยว กับรูปลักษณ์ที่ต้องการ เพื่อให้ศัลยแพทย์สามารถทำการตัดสินใจร่วมกับผู้ป่วย เกี่ยวกับผลลัพธ์จริงที่จะได้รับ
การผ่าตัดยกกระชับต้นขา

การดูแลหลังการผ่าตัด

หลังการผ่าตัด แพทย์จะพันขาด้วยผ้าพันแผลที่ออกแบบมาเพื่อรัดให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการในระหว่างที่แผล บริเวณผิวหนังและเนื้อเยื่อด้านล่างสมานตัว โดยจะมีรอยเย็บและอาจมีการใส่ท่อระบายเพื่อช่วยให้ผิวหนังและ เนื้อเยื่อสมานกันได้เร็วขึ้น ไหมบางส่วนจะละลายเมื่อเวลาผ่านไป และไหมบางส่วนอาจต้องได้รับการตัดออกใน ระหว่างการตรวจติดตามผล

หลังทำหัตถการ อาจรู้สึกไม่สบายตัว เนื่องจากอาจมีอาการบวม รอยฟกช้ำ และอาการตึงควรพักผ่อนให้เพียง พอ และหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวขามาก ๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดแผลเป็น

ผู้ป่วยโดยส่วนใหญ่จะสามารถกลับไปทำงานได้หลังผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน

หัตถการผ่าตัดทุกประเภทต่างก็มีความเสี่ยง โดยความเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ อาการบวม รอยฟกช้ำ การมีเลือดออก การติดเชื้อ มีของเหลวไหลออกมาจากแผล มึนงง หรือมีแผลเป็น ความเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุด ในการผ่าตัดนี้ คือ เส้นเลือดอุดตันในปอด เนื่องจากไขมันหรือลิ่มเลือดเข้าสู่กระแสเลือด แต่ก็เป็นภาวะแรกซ้อนที่พบได้ยากมาก

ผลลัพธ์

จะสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ในเรื่องของความสมดุล และรูปทรงของขา หลังการผ่าตัดไม่นานอย่างไรก็ตาม อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน เมื่ออาการบวมลดลงจะรู้สึก มั่นใจมากขึ้นและประหม่าน้อยลง