ศัลยกรรมหน้าอก ยกกระชับหน้าอก

ก่อนทำศัลยกรรมหน้าอก ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัด ความเสี่ยง ผลลัพธ์ รวบรวมคำถามที่ไม่เข้าใจ ปรึกษาแพทย์ พูดคุยถึงความคาดหวังหลังการผ่าตัดศัลยกรรมกับแพทย์ สร้างความเข้าใจที่ตรงกัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

การทำศัลยกรรมหน้าอก ในปัจจุบันมีเทคนิคที่ช่วยในการตรวจ การวางแผนผ่าตัดและในระหว่างการผ่าตัด เช่น การทดลองเสริมด้วยตัวอย่างซิลิโคน (Sizer) การจำลองภาพก่อนผ่าตัด (Photo Simulation) การวัดระดับด้วยเลเซอร์ (Laser Leveling) การผ่าตัดผ่านการส่องกล้อง (Endoscope) ที่ช่วยให้ผลลัพธ์ในการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ

หน้าอกโดยธรรมชาติจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ในแง่ของรูปทรงหน้าอกนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของวัย การลดน้ำหนัก กรรมพันธุ์ การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร การทำกิจกรรมที่หักโหมหรือออกกำลังกายโดยไม่ได้ใช้เสื้อผ้าซัพพอร์ต ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ทำให้ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและผิวหนังเปลี่ยนแปลงเป็นสาเหตุของความหย่อนคล้อย ส่วนหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินไปนั้นมักมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนและพันธุกรรม 

สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงรูปทรงของหน้าอก 

  • หน้าอกที่มีเนื้อเต้านมมาก หน้าอกจะแน่น หนัก ทำให้มีโอกาสหน้าอกหย่อนได้มากกว่าคนที่มีไขมันเป็นองค์ประกอบหลักในหน้าอก ซึ่งเนื้อจะนิ่มและเบากว่า  
  • ขนาดของหน้าอกเดิม ผู้ที่มีหน้าอกขนาดค่อนข้างใหญ่ ในระยะยาวมักจะเกิดการหย่อนคล้อยได้มากกว่าผู้ที่มีหน้าอกขนาดปานกลางหรือขนาดเล็ก  
  • การออกกำลังกายที่มีการแกว่ง การกระแทก การเคลื่อนที่ขึ้นลงมาก ๆ ร่วมกับการไม่ได้ใส่เสื้อชั้นในที่รองรับได้ดีเพียงพอ ในระยะยาวจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรูปทรงหน้าอกได้ 
  • การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร  
  • น้ำหนักตัวมีการเปลี่ยนแปลงมากในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งอาจเกิดจากการตั้งใจลดน้ำหนักหรือจากการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ  
  • อายุที่มากขึ้น ทำให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง เกิดความหย่อนยาน 
  • น้ำหนักเกิน มีภาวะโรคอ้วน ทำให้น้ำหนักหน้าอกมาก 
  • กรรมพันธุ์  

ศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก (Breast Lift)

หน้าอกที่มีขนาดและรูปทรงที่ไม่สวยงาม หรือ หน้าอกที่หย่อนคล้อย ย่อมส่งผลต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจในรูปร่าง การเข้าสังคม การเลือกเสื้อผ้า การออกกำลังกาย รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน การผ่าตัดยกกระชับหน้าอก เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงหน้าอกที่หย่อนคล้อยให้กลับมาดูดีโดยการตัดหนังส่วนเกินออก จัดแต่งรูปทรง ย้ายหัวนมให้กลับขึ้นมาในตำแหน่งที่เหมาะสม รวมถึงการลดขนาดลานนมให้เล็กลง การผ่าตัดนี้มีเทคนิคที่หลากหลาย เช่น  

  • การเสริมหน้าอกด้วยเทคนิค Internal lift (Breast augmentation with internal lift)  
  • การยกกระชับทรวงอก โดยไม่เสริมหน้าอก (Breast lift without Implant)  
  • การยกกระชับพร้อมเสริมหน้าอก (Breast lift with Implant)  
  • การดูดและการเติมไขมัน  

แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำปรึกษา วิเคราะห์และเลือกวิธีการผ่าตัดได้อย่างเหมาะสม ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เสริมสร้างความมั่นใจให้แก่สาว ๆ 

ผู้ที่เหมาะสมกับการทำศัลยกรรม ยกกระชับหน้าอก 

  1. ผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย ที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น หลังการลดน้ำหนัก หลังคลอด  
  2. ผู้ที่หัวนมอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าปกติ 
  3. คุณแม่ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยเนื่องจากให้นมบุตร 
  4. ผู้ที่มีสุขภาพดี มีสุขภาพจิตปกติ มีความคาดหวังผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผล 
  5. มีอายุมากกว่า 20 ปี (หากอายุน้อยกว่า 20 ปี ต้องมีจดหมายยินยอมจากผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลตามกฎหมาย) 
  6. ผู้ที่ไม่ได้กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร 
  7. ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัด เช่น โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Hemophilia) โรคที่มีความผิดปกติของการหายของแผล (Ehlers-Danlos Syndrome) 
  8. หากต้องการลดน้ำหนัก ควรลดน้ำหนักให้ได้ตามที่ต้องการก่อนที่จะเข้ารับการทำศัลยกรรมเต้านม 

ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการศัลยกรรมหน้าอก

การผ่าตัดทุกชนิดมีความเสี่ยงแต่ไม่ใช่ว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับทุกคน แพทย์จะให้คำปรึกษาและประเมินความเสี่ยง ให้โอกาสในการซักถามข้อสงสัย จากนั้นจึงร่วมกันในการตัดสินใจในการผ่าตัด 

  1. ในด้านรอยแผลเป็น หากไม่มีประวัติแผลเป็นประเภทคีลอยด์มาก่อน มักจะได้รับผลลัพธ์ที่เรียบเนียน ซ่อนในตำแหน่งที่เหมาะสม  
  2. ในด้านรูปทรงอาจไม่เป็นไปตามต้องการ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย แต่แพทย์ที่มีประสบการณ์ จะสามารถให้คำแนะนำและออกแบบการผ่าตัดให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามตรงตามความต้องการ  
  3. ความเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ ภาวะแทรกซ้อนในการหายของแผล (Wound complications) และความผิดปกติของหัวนม เช่น การชา (Numbness) หรือหัวนมตายจากการขาดเลือดมาเลี้ยง (Nipple Necrosis) ซึ่งมักพบในคนที่สูบบุหรี่จัด ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น แต่หากควบคุมอาการได้ดีก็ไม่ใช่ข้อห้ามในการผ่า

การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมหน้าอก ยกกระชับหน้าอกและลดขนาดหน้าอก

6 เดือน ก่อนการผ่าตัด 

  • งดยารักษาสิวชนิดที่มีส่วนผสมของวิตามิน A (Isotretinoin) เพราะอาจมีผลต่อการหายของแผล 

3 เดือน ก่อนการผ่าตัด 

  • เตรียมความพร้อมของร่างกาย ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ  
  • ตรวจสุขภาพประจำปี หากมีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์เพื่อรักษาและควบคุมอาการให้อยู่ในภาวะปกติ 
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยการทำแมมโมแกรม (Mammogram) หากมีประวัติเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม 

4 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด 

  • งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 4 สัปดาห์ 
  • งดการเจาะ/สักร่างกาย หรืออาบแดด   หากมีการเจาะ ใส่ห่วง อยู่แล้วให้ถอดออกเพื่อเช็คและรักษาหากมีการอักเสบ 
  • หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงที่ใกล้ หรือ กำลังมีประจำเดือน หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการเลื่อนประจำเดือน 

10 วัน ก่อนการผ่าตัด 

  • งดยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด ได้แก่
    • ยาละลายลิ่มเลือด เช่น Aspirin, Coumadin, Ticlid, Plavix or Aggrenox.  (โปรดปรึกษาแพทย์ประจำตัวถึงความปลอดภัยในการหยุดยา) 
    • ยาแก้ปวดประเภท Nsaids เช่น Ibuprofen, Advil, Motrin, Nuprin, Aleve, Relafen,Naprosyn, Diclofenac, Naproxen, Voltaren, Daypro, Feldene, Clinoril, Lodine, Indocin, Orudis เป็นต้น         
    • ยาระงับประสาท ยานอนหลับบางชนิด เช่น Zoloft, Lexapro, Prozac, Pristiq เป็นต้น 
    • งด วิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ที่อาจมีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่น Multivitamins, Fish oil, Omega3, Co-enzyme Q10, Evening Primrose Oil, Glucosamine, Arnica, Ginseng, Gingko, herbs เป็นต้น 

นอกจากคำแนะนำข้างต้นแล้ว ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดขนาดหน้าอก ความเสี่ยง ผลลัพธ์ รวบรวมคำถามที่ไม่เข้าใจ ปรึกษาแพทย์ พูดคุยถึงความคาดหวังหลังการผ่าตัดศัลยกรรมกับแพทย์ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด  

ขั้นตอนทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก

  1. แพทย์จะให้เวลาในการซักถามและปรึกษาอีกครั้งก่อนเข้ารับการผ่าตัด  
  2. ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 3-6 ชั่วโมง 
  3. ระงับความรู้สึกโดยวิสัญญีแพทย์ 
  4. หลังผ่าตัด พักฟื้นในโรงพยาบาล 1-2 คืน 
  5. นัดตรวจติดตามอาการ วันที่ 7 และวันที่ 10 หลังการผ่าตัด 1 เดือน 3 หรือ 6 หลังผ่าตัด 

การดูแลตนเองหลังการทำศัลยกรรมหน้าอก

  1. จะมีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณแผลผ่าตัดเล็กน้อย แต่สามารถลุกเดินได้ภายในวันแรกหลังผ่าตัด โดยอาการจะดีขึ้นตามลำดับ 
  2. อาจมีอาการบวมช้ำอยู่ได้นาน 1-3 สัปดาห์ ทำให้เต้านมสองข้างอาจดูแตกต่างกัน ต้องรอให้การบวมช้ำหายไป ประมาณ 1-2 เดือนหลังผ่าตัด 
  3. ความรู้สึกของผิวหนังบริเวณหน้าอกและหัวนมอาจลดลง แต่จะดีขึ้นภายในเวลา 3-6 เดือน  
  4. แผลผ่าตัดมักจะแดงและนูนเล็กน้อยในช่วง 1-3 เดือนแรก และจางลงในเวลา 6-12 เดือน จึงควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรงเป็นเวลา 3-6 เดือน 
  5. อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเจ็บคอ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงจากการดมยาสลบ 
  6. ทานยาตามแพทย์สั่งเพื่อลดอาการปวดและการติดเชื้อที่ไม่พึงประสงค์ 
  7. พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสอบและรับคำแนะนำจากแพทย์ 
  8. หลีกเลี่ยงแสงแดดหรือทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นบริเวณผ่าตัด 
  9. ไม่ยกของหนักและไม่ควรยกแขนสูงในช่วง 7 วันแรก เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบของแผลผ่าตัด 
  10. พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำเพราะอาจส่งผลต่อรูปทรงเต้านมแผลผ่าตัด  อาจนอนหนุนหมอนสองสามใบเพื่อให้ศีรษะและลำตัวช่วงบนอยู่สูงเพื่อลดอาการบวม 
  11. ควรพักรักษาตัวที่บ้าน 2 สัปดาห์และสามารถกลับไปทำงานปกติได้หลังจากนั้น  
  12. ในกรณีที่แผลผ่าตัดปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ สามารถอาบน้ำได้ในวันรุ่งขึ้น ยกเว้นบางกรณีแพทย์จะสั่งเป็นายๆไป  
  13. ควรใส่ชั้นในที่ทางโรงพยาบาลเตรียมให้ หรือสวมเสื้อชั้นในแบบ Support Bra ไม่มีโครง อย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ ทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อป้องกันการไหลของเต้านมเทียมไปด้านข้างหรือด้านฐานนม
  14. ควรงดออกกำลังกายเป็นเวลา 4 สัปดาห์ แต่สามารถเดินเบา ๆ เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด จากนั้นจะเมออกกำลังกายเบาๆได้และสามารถออกกำลังกายเต็มที่ได้หลังผ่าตัด 2-3 เดือน 
  15. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา4 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนระหว่างการพักฟื้น  
  16. ทานอาหารสุขภาพ งดอาหารที่มีโซเดียมสูงเพราะอาจทำให้อาการบวมแย่ลง รับประทานไฟเบอร์และดื่มน้ำมาก ๆ  

ศัลยกรรมยกกระชับหน้าอกและลดขนาดหน้าอก สามารถช่วยปรับรูปทรงของหน้าอกให้มีความสมดุล มีรูปทรงที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ เพิ่มความมั่นใจให้คุณผู้หญิงทุกท่าน การผ่าตัดชนิดนี้เป็นการผ่าตัดตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก แน่นอนแม้จะต้องรับความเสี่ยงเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด แต่สำหรับคุณผู้หญิงแล้ว การผ่าตัดนี้คุ้มค่ามากพอที่จะได้รับความมั่นใจคืนมาได้